พิสูจน์พอหรือยัง? - บรูโน่ แฟร์นันด์ส

ตัวเลขดังกล่าวเหนือกว่า แฮร์รี่ เคน , ซน ฮึง มิน , โม ซาลาห์ และ เควิน เดอ บรอยน์ ในช่วงเวลาเดียวกัน

มันฟ้องอยู่แล้ว บรูโน่ มีความสำคัญกับปีศาจแดงมากขนาดไหน การมาของเขาก่อให้เกิดความแตกต่างและการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางดีขึ้นทันตาเห็น

นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้เกือบครบปีเต็มๆแล้ว แมนฯยูไนเต็ดยกระดับพรวดพราดซึ่งเครดิตส่วนใหญ่ต้องมอบให้มิดฟิลด์โปรตุกีสนี่แหล่ะ

ก่อนจะเชือดลิเวอร์พูลคว้าตั๋วรอบ 5 เอฟเอคัพ ผลงานของ บรูโน่ ดูจะดร็อปลงไป ไม่เปล่งปลั่งเหมือนเคย กลายเป็น ปอล ป็อกบา ที่ก้าวมาเป็นคนสำคัญแทน

เขาโดนวิจารณ์ไม่น้อย โดยเฉพาะประเด็นที่ว่าฟอร์มเด่นเสมอเมื่อเจอกับทีมเล็กๆ แต่พอต้องโม่กับบิ๊กซิกซ์ซึ่งอยู่ในระนาบเดียวกัน มักโชว์ไม่ค่อยออก

ก่อนหน้าจะทำศึกแดงเดือดภาคเอฟเอ 6 เกมที่ดวลทีมใหญ่ บรูโน่ ยิงไปแค่ประตูเดียวเท่านั้นในเกมลีกที่พ่ายยับให้สเปอร์ส 1-6 แถมมาจากจุดโทษอีกต่างหาก

หากเจ๋งจริงควรช่วยทีมได้ในเกมสำคัญ ไม่ใช่เก่งแต่ตบเด็กๆ อย่างนี้อย่าเพิ่งรีบเชิดชูสดุดีว่าเป็นเต้ยเลยดีกว่า

อันนี้ไม่รวมเรื่องจำนวนประตูที่เกิดจากจุดโทษ ซึ่งแมนฯยูไนเต็ดได้เยอะพอสมควรและเขาเป็นมือปืนสังหารประจำทีม

อย่างไรก็ดีหากค่อยพิจารณาแบบถ้วนถี่ ย่อมฉายให้เห็นภาพความสำคัญของ บรูโน่ อย่างชัดเจน ในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมาแมนฯยูไนเต็ดเปลี่ยนไปมากแค่ไหน

จากครึ่งหลังของซีซั่นที่แล้ว ไม่ผิดนักหากจะบอกว่า บรูโน่ มีบทบาททั้งยิงและแอสซิสต์จนอุ้มทีมจบอันดับ 3 ได้สิทธิ์ไปลุยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกตามเป้าหมาย

แม้จะพลาดหมดในฟุตบอลถ้วย ตกรอบรองชนะเลิศทั้ง 3 รายการ จนเจอเสียงค่อนขอดอีกว่าไม่อาจพาทีมไปให้สุดได้ก็ตาม

พอมาฤดูกาลนี้แมนฯยูไนเต็ดออกสตาร์ตเหมือนพวกเมาหมัด ซวนเซเป๋ไปมา จนทำท่าว่าต้องผ่าตัดกันครั้งใหญ่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา คงไม่รอดแน่

กระนั้นนับตั้งแต่พ่ายอาร์เซน่อลในลีกเมื่อ 1 พฤศจิกายนปีก่อน ปีศาจแดงก็ไม่แพ้เลยในลีกอีก 12 เกมด้วยกัน จนทะยานเชิดหน้าขึ้นไปสัมผัสบรรยากาศความเย็นบนหัวตารางได้สำเร็จ

เป็น บรูโน่ อีกนั่นแหล่ะที่เป็นกำลังสนับสนุนหลักผลักดันให้ทีมแกร่งกล้าไปถึงยังจุดนั้นแบบไม่น่าเชื่อ

เขาลงเล่นอย่างสม่ำเสมอแทบไม่ได้พักหายใจหายคอเลย แต่ก็พร้อมลุยอย่างไม่อิดออดหรือออกอาการปอดให้เห็น

ตรงกันข้ามกระหายอยากจะเล่นมันทุกนัด เป็นนักเตะที่ทะลักไปด้วยแพสชั่น ซึ่งช่วยเติมเต็มและเป็นตัวอย่างกับเพื่อนร่วมทีมบางคนด้วย

ไม่ใช่แค่ก้มหน้าก้มตาทำประตูและแอสซิสต์ บ่อยครั้งที่ยังตะโกนสั่งการ กระตุ้นไม่หยุดหย่อน จนหวิดจะมีเรื่องกับ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ และ เนมานย่า มาติช มาแล้ว

แต่นั่นมาจากความมุ่งมั่นล้วนๆ เพราะความอยากเห็นทีมชนะ จึงแสดงออกอย่างที่เห็น

บรูโน่ อาจไม่รู้หรอกว่าตัวเขาเองคือผู้เข้ามาเปลี่ยนแปลง ทั้งในแง่ผลงานและบรรยากาศภายในซึ่งดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ทีมสปิริตอันแข็งแกร่ง สะท้อนได้จากการถูกนำก่อนแล้วพลิกกลับมาชนะบ่อยๆ จนกลายเป็นเอกลักษณ์

เกมล้างตาลิเวอร์พูลที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดเมื่อคืนนี้ พอเห็นไลน์อัพเท่านั้น หลายคนแปลกใจว่าทำไม บรูโน่ ต้องหลีกไปนั่งที่ข้างสนาม ปกติแล้ว โซลชา จะต้องเข็นลงไปลุย

เหมือนเป็นการให้ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ได้ลองยืนตำแหน่งเบอร์ 10 บ้าง รวมถึงถือโอกาสพัก บรูโน่ สักหน่อยให้ร่างกายได้ฟื้นฟูบ้างและไม่เสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ

แล้ว 25 นาทีสุดท้ายก็ต้องส่งลงมา ก่อนนำไปสู่การเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญช่วยให้ทีมล้มลิเวอร์พูลอย่างตื่นเต้นเร้าใจ

มันเป็นฟรีคิกที่เด็ดขาดหมดจดอย่างมาก โซลชา เล่าว่า บรูโน่ เพิ่งซ้อมซัดฟรีคิกในลักษณะดังกล่าวร่วมๆ 45 นาทีด้วย ซึ่งปกติแล้วมักจะปรามไม่อยากให้มุทะลุเกินไป ควรจะพักบ้าง

แต่คราวนี้กลับปล่อยอิสระ เพราะเห็นว่าไหนๆก็ไม่ได้ส่งลงตัวจริงแล้ว ก่อนจะกลายเป็นประโยชน์ต่อทีมในที่สุด

มันเป็นลูกยิงที่ยากมากๆ อีกทั้งคนลั่นไกจะต้องสุขุมเยือกเย็นมากพอที่จะส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้ ไม่ใช่เอาจอมฟรีคิกที่ไหนมายิงก็เข้าหมด

หลังจบเกม บรูโน่ เปิดใจเรื่องช็อตสำคัญนี้ เอดิสัน คาวานี่ ให้คำปรึกษาด้วยว่าควรเรดาร์ไปยังมุมนั้นเลย ก่อนได้ผลเกินคาด อีกทั้งยังยกเครดิตให้เพื่อนร่วมทีมทุกคนอีกต่างหาก ว่าทำงานหนักจนได้รับผลตอบแทนที่น่าพอใจ

เขาเอ่ยปากสนัลสนุนและชื่นชม ดอนนี่ ซึ่งว่าไปแล้วเป็นเหมือนคู่แข่งแย่งตำแหน่งอย่างเต็มที่ นี่คือสปิริตที่น่ายกย่องอย่างมาก

มาถึงขั้นนี้เราควรยอมรับเถอะว่า บรูโน่ คือของจริง การมาของเขาส่งผลกระทบมากขนาดไหนต่อฟอร์มของแมนฯยูไนเต็ด คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณกันอีก

แน่นอนว่า บรูโน่ ยังไม่อาจนำทีมคว้าแชมป์เลยสักรายการและมันสร้างความหงุดหงิดให้กับเขาเสมอ

แต่คงไม่จำเป็นต้องให้พิสูจน์อะไรอีกแล้ว

---

บรูโน่ : "ผมมีความสุขเพราะเราชนะ มันสำคัญมากที่เราเข้ารอบต่อไป ผมไม่สนใจว่าใครจะเป็นคนยิงประตู ถ้าเป็นผมยิง ก็แน่นอนว่าผมย่อมมีความสุข และผมว่าวันนี้เราเล่นดีมาก นี่เป็นเกม 90 นาทีที่ดีของทั้งสองทีม และผมคิดว่าเราสร้างโอกาสได้หลายครั้ง เราเล่นดีเราเพรสซิ่งพวกเขามากกว่าตอนที่เจอกันในลีก ผมว่ามันเป็นปัจจัยที่ช่วยตัดสินเกมๆ นี้" ผมซ้อมยิงประตูแบบนี้เยอะมาก กับลูกฟรีคิก, ผมลองยิงและมันออกมาดี ก่อนจะยิง เอดี้ (คาวานี่) บอกผมว่า - ลองยิงแรงๆ ไปด้านข้างของผู้รักษาประตู - ผมก็ลองยิงตามนั้น และมันก็เข้า"