เจาะ 5 ประเด็น แมนยู ยึดจ่าฝูงในรอบ 8 ปี

ปัจจัยต่างๆที่ทำให้ทีมของ โซลชาร์ พลิกสถานการณ์ในลีก จนเดินทางมาถึงตำแหน่งจ่าฝูง พอจะมองเป็นประเด็นต่างๆได้ 5 ข้อ

1 การมาของ บรูโน่ เฟอร์นันเดส

48 นัด 27 ประตู 17 แอสต์ซิส บอกทุกอย่าง ถึงการมาของจอมทัพโปรตุกีสตั้งแต่ มกราคม 2020 ว่าเขามาพลิกฟอร์มเกมรุก มีอิทธิพลทางความคิด เข้ามาสร้างความสมดุลให้ทีมขนาดไหนตลอด 1ปีที่เขาสวมเสื้อปีศาจแดง การที่ทีมมาถึงจุดนี้ได้ เขาควรได้รับเครดิตไปเต็มๆ

2 แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ผู้นำในแผงรับ และแผงรับที่ลงตัว

4745นาที ในสนามตลอดปี 2020 เป็นนักเตะที่มีเวลาในสนามมากที่สุดในโลก น่าจะเป็นคำตอบได้ดีว่า กัปตันทีม แฮร์รี่ แม็กไกวร์ มีความสำคัญต่อทีมเพียงใด เขาลงสนามในลีกครบทุกนัด 17เกม เขาเป็นเสาหลักเกมรับของทีม และความเป็นผู้นำของเขาก็มีส่วนทำให้ ฟอร์มของ วิคตอร์ ลินเดเลฟ ดีขึ้นด้วย ประกอบการกลับมาที่ทันเวลาของ เอริค ไบยี่ ที่โชว์ฟอร์มได้แกร่งมากๆมีเซฟสำคัญๆให้ทีมมาสองนัด เมื่อแผงหลังเล่นได้แน่นอนมากขึ้น และการเข้ามาของ ดีน เฮนเดอร์สัน ก็ทำให้ ดาบิด เด เคอา ต้องเร่งฟอร์มที่คงที่ขึ้น และสามารถสลับกันลงเล่น ทำให้มีความฟิตที่ดีขึ้นด้วย

3 การเสริมทัพที่เข้าเป้า

นอกจากการมาของ บรูโน่ เฟอร์นันเดส แล้ว การเซ็นสัญญาในช่วงหน้าร้อน ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค , อเล็กซ์ เตลเลส , เอดิสัน คาวานี ทำให้ทีมมีสมดุลมากขึ้น เตลเลส แบ็กซ้ายบราซิล เข้ามาสลับ ลุค ชอว์ ที่มีปัญหาความฟิต ได้ดี จะเห็นได้ว่าในช่วงแรกที่เขาหายไปจากการแยกตัวโควิด-19 ทีมมีปัญหาพอสมควร เช่นเดียวกันกับ เอดิสัน คาวานี หอกอุรุกวัย ที่ยังไม่มีความฟิตในช่วงแรก แต่หลังจากที่เรียกความฟิตกลับมาได้ เขาช่วยให้ทีมมีคะแนน อย่างประตูของเขาในเกม โกงความตายพลิกชนะ เซาแธมป์ตัน 3-2 และการกลับสู่ทีม ของ ดีน เฮนเดอร์สัน ผู้รักษาประตู

4 หมุนเวียนทีมรักษาความฟิตได้ผล

อาการบาดเจ็บ และ โควิด-19 เป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ จะว่าเป็นโชคดีก็ว่าได้ที่ฤดูกาลนี้ แมนฯยูไนเต็ด ยังไม่มีนักเตะคนใด มีอาการบาดเจ็บหนักๆเลย ด้วยประกอบกับทีมมีขนาดทีมที่ดีขึ้นการเซ็นสามนักเตะเข้ามา ทำให้ทีมมีสมดุล หมุนเวียนกันได้ลงตัว อย่างเช่นการขาดหายไปจากอาการเจ็บหลังของ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ทดแทนด้วยการกลับมาของ เอริค ไบยี่ พอดี ต้องชมผลงานของทีมแพทย์ ทีมฟิตเนสด้วย ที่ทำงานได้ดีในฤดูกาลที่ไม่ปกตินี้

5 ฟอร์มเกมเยือนที่ยอดเยี่ยม

ทีมปีศาจแดงไม่แพ้ใครนอกบ้านในลีกมา 15นัด ในฤดูกาลนี้เล่นเกมเยือนมา 8เกม ชนะ7 เสมอ 1 เป็นการถูกเจ้าบ้านออกนำ แล้วกลับมาแซงชนะ 6นัด สิ่งเหล่านี้เสริมความมั่นใจ บรรยากาศในทีม ต่อยอดผลงานให้ทีมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลถึง เกมในบ้านที่ดีขึ้น เอาชนะในเกมที่ยากได้ อย่างเกมเฉือนชนะ วูล์ฟ 1-0 จากประตูของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ในช่วงทดเวลาท้ายเกม และในฤดูกาลนี้ฟอร์มที่ไม่ดีของทีม ไปตกอยู่ในรายการ แชมเปี้ยนส์ลีก ซะส่วนใหญ่ พ่ายไป3นัด ตกรอบแบ่งกลุ่ม เป็นการเอาผลงานแย่ๆใน UCL มากระตุ้นแก้ตัวในลีกให้ผลงานดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม เกมพรีเมียร์ลีก ผ่านไป 17 นัด ยังไม่ผ่านครึ่งทาง การลุ้นแชมป์ลีกยังอยู่บนความไม่แน่นอนในฤดูกาลอันไม่ปกตินี้ จากการระบาดของไวรัส โควิด-19 แต่อย่างน้อยก็เป็นความมั่นใจของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนทำศึกนัดสำคัญ ในการบุกไปเยือนสนาม แอนฟิลด์ พบแชมป์เก่า ลิเวอร์พูล ด้วยตำแหน่งจ่าฝูง

การขึ้นมาลุ้นแชมป์ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถามของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้ ทีมปีศาจแดง ยังไม่สามารถเอาชนะทีมใหญ่ หรือทีมกลุ่มหัวตารางได้เลยในฤดูกาลนี้ แพ้ สเปอร์ส 1-6 ,เสมอ เชลซี 0-0 ,แพ้ อาร์เซนอล 0-1 ,เสมอ แมนซิตี้ 0-0 และ เสมอ เลสเตอร์ 2-2 ดังนั้นเกมกับ แชมป์เก่า วันอาทิตย์นี้ จึงเป็นบททดสอบสำคัญว่า แมนฯยูไนเต็ด ของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ดีพอกับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้หรือไม่