Dr.James Naismit นำตะกร้า 2 ใบมาตอกตะปูแขวนไว้ที่ผนังของโรงยิมทั้ง 2 ด้าน โดยมีความสูงอยู่ที่ 3 เมตร 5 เซนติเมตร กำหนดผู้เล่นฝั่งละ 9 คน ต่อมาเปลี่ยนจำนวนผู้เล่นให้เหลือฝั่งละ 5 คน เนื่องด้วยในการเล่นเกิดการปะทะกันในสนาม เมื่อปรับเปลี่ยนแล้วทำให้เกมการเล่นสมบูรณ์มากขึ้น รวมถึงเปลี่ยนกติกา 4 ข้อเป็น 13 ข้อ เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบ ดังนี้

(1) ห้ามผู้เล่นถือลูกบอลวิ่ง
(2) ผู้เล่นจะส่งบอลไปทิศทางใดก็ได้ จะใช้มือเดียวหรือสองมือก็ได้
(3) ผู้เล่นจะเลี้ยงบอลไปทิศทางใดก็ได้ จะใช้มือเดียวหรือสองมือก็ได้
(4) ผู้เล่นต้องใช้มือทั้งสองข้างครอบครองบอลเท่านั้น ห้ามใช้ร่างกายส่วนอื่นช่วยในการครอบครองบอล
(5) ห้ามใช้ไหล่กระแทกและใช้มือดึง รวมทั้งห้ามผลักห้ามตี หรือห้ามกระทำการใดๆ ให้ฝ่ายตรงข้ามล้มลง หากผู้เล่นฝ่าฝืนถือเป็นการฟาวล์ 1 ครั้ง ถ้าฟาวล์ครบ 2 ครั้ง จะหมดสิทธิ์เล่นจนกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดสามารถทำแต้มได้ จึงสามารถกลับมาเล่นได้อีกครั้ง
(6) ห้ามใช้ขาและเท้าเตะลูก หากฝ่าฝืนถือเป็นการฟาวล์
(7) หากผู้เล่นฝ่ายใดทำฟาวล์ติดกัน 3 ครั้ง อีกฝ่ายจะได้แต้ม
(8) แต้มที่ทำได้จะต้องเป็นการโยนบอลให้ลงห่วง
(9) เมื่อฝ่ายใดทำลูกออกนอกสนาม อีกฝ่ายจะต้องส่งลูกเข้ามาในสนามจากขอบสนามภายใน 5 วินาที หากเกินให้เปลี่ยนส่ง ถ้าฝ่ายใดถ่วงเวลาให้ถือเป็นฟาวล์
(10) ผู้ตัดสินมีหน้าที่ตัดสินว่าผู้เล่นคนใดทำฟาวล์ และมีหน้าที่ลงโทษให้ผู้เล่นหมดสิทธิ์การเล่น
(11) ผู้ตัดสินมีหน้าที่ตัดสินว่าลูกใดที่ออกนอกสนาม และฝ่ายใดควรเป็นผู้ส่งลูกเข้าสนาม อีกทั้งทำหน้าที่เป็นผู้รักษาเวลา  บันทึกจำนวนแต้มที่ทำได้ รวมถึงการทำหน้าที่ตามวิสัยผู้ตัดสิน
(12) การเล่นแบ่งเป็น 2 ครึ่ง ครึ่งละ 20 นาที
(13) ฝ่ายที่ทำแต้มได้มากที่สุดคือผู้ชนะ หากแต้มเท่ากันจะต้องต่อเวลาออกไปอีก หากฝ่ายใดทำแต้มได้ก่อนถือว่าเป็นฝ่ายชนะ