“...ซึ่งก่อนทำรายการศูนย์บรรเทาทุกข์ผี ทางทีมงานได้ให้เพียงวันเดือนปีเกิดของแขกรับเชิญเท่านั้นครับ โดยที่คุณริวยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยและพบเจอกับแขกรับเชิญมาก่อน” หากเป็นแฟนพันธุ์แท้จะตอบได้ทันทีว่าเป็นสิ่งที่ได้ยินในรายการคนอวดผี ช่วงศูนย์บรรเทาทุกข์ผีเสมอ โดยจะเห็นภาพคุณริว จิตสัมผัส ยืนอยู่ในห้องมืดและในมือมีสมุดปกดำอยู่หนึ่งเล่ม
ความระทึกเพิ่มขึ้นทุกขณะเมื่อคุณริวได้ก้มมองในสมุดไม่มีเส้นนั้นแล้วเอ่ยออกมาว่าจากวันเดือนปีเกิด... หลายครั้งทลายความไม่เชื่อไปได้โดยสนิทใจหลังจากที่ฟังแขกรับเชิญพูดคุยกับเหล่าพิธีก่อนไปก่อนหน้านี้ เพราะทันทีที่คุณริวได้สัมผัสถึงนั้นมักจะถูกตั้งคำถามในใจว่ารู้ได้อย่างไรยังไม่ได้เล่าเลย และมีเรื่องน่ากลัวแบบนี้เกิดขึ้นในโลกนี้ด้วยเหรอ
ความเชื่อในผีหรือวิญญาณผู้ตายมีมานานแล้วตั้งแต่อดีต คำว่าผีคือวิญญาณของคนหรือสัตว์ที่ตายแล้ว แต่ยังสามารถปรากฎให้คนเป็นเห็นได้ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปที่มองเห็นได้หรือแทบมองไม่เห็น และบางกรณีมองเห็นเสมือนภาพสมจริง นั่นเพราะสิ่งที่มองไม่เห็นก็ใช่ว่าจะไม่มี ดังนั้น เรื่องเกี่ยวกับความเชื่อเหนือธรรมชาติ วิญญาณ และเรื่องราวชีวิตหลังความตาย แม้จะเป็นเรื่องที่ได้รับรู้แล้วหวาดกลัวและจินตนาการต่อไปเองสารพัด แต่เรื่องเหล่านี้ก็ถูกพูดถึงและเล่าสู่กันฟังเสมอ อย่างเช่นเรื่องเล่าที่ไม่ว่าจะกี่ยุคสมัย เรื่องเล่าเหล่านี้ก็สร้างความหลอนได้ดี
เรื่องเล่าที่ 1 เรื่องราวของตึก 2 ณ โรงเรียนมัธยมวัดพระศรีมหาธาตุ ที่มีตึกสุดหลอนที่เด็กๆ เล่ากันมานั่นก็คือตึก 2 ที่เมื่อก่อนมีลิฟต์แต่จู่ๆ ก็เลิกใช้กันโดยไม่มีใครรู้สาเหตุ แต่จริงๆ ทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าลิฟต์ตัวนี้มันไม่ธรรมดา เพราะเคยมีคนงานก่อสร้างตายขณะที่กำลังติดตั้งลิฟต์ตัวนี้อยู่ คนเลยมักเจอเรื่องแปลกอยู่บ่อยๆ ทั้งเงาประหลาด เสียงกรีดร้อง และมือผีที่โผล่ออกมาให้เห็นกันจะจะ เรื่องของตึก 2 ยังไม่หมด เพราะมีเรื่องของห้องน้ำที่ตอนเย็นใครเข้าไปใช้งานมักจะรู้สึกเหมือนมีคนเข้าห้องน้ำห้องข้างๆ อยู่ตลอดเวลาทั้งๆ ที่ไม่คน! แถมยังเคยมีคนเห็นเงาคนต่อคิวทั้งที่ออกมาก็ไม่มีใคร และเสียงเปิด-ปิดประตูที่ดังปึ้งปั้งตลอด ทั้งที่ไม่มีคนอยู่ ทำเอาคนไม่กล้าเดินผ่านห้องน้ำคนเดียวเลย
เรื่องเล่าที่ 2 เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของโรงเรียนชื่อดังแถวสยาม ที่เป็นแหล่งรวมเด็กเก่งทั้งหลาย เรื่องมีอยู่ว่าปกติเด็กที่ขี้เกียจเรียน อยากจะโดดเรียน ไม่ชอบเรียนวิชาไหนก็มักจะอ้างว่าปวดหัว ไม่สบายจนสุดท้ายต้องไปนอนที่ห้องพยาบาล แต่สำหรับที่โรงเรียนนี้คงจะทำอย่างนั้นได้ยาก เพราะมีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่า ถ้าใครแอบป่วยไปนอนห้องพยาบาลจะเจอดี คือจะเห็นเท้าคนเดินมาที่เตียงที่มีผ้ากั้นไว้ แต่กลับไม่เห็นเงาคน! บ้างก็ได้ยินเสียงคนเดิน แต่ไม่มีใครอยู่ในห้อง ทำเอาพวกเด็กแกล้งป่วยไม่กล้ามานอนห้องพยาบาลกันเลย
เรื่องเล่าที่ 3 เป็นเรื่องราวของครูวิภา ครูนาฎศิลป์ที่โรงเรียนรัฐบาลชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ผู้เข้มงวด ระเบียบต้องเป๊ะทุกอย่าง และยังเป็นครูที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการร่ายรำเป็นอย่างมาก มีวันหนึ่งที่ครูป่วยหนักแต่ด้วยความรับผิดชอบและรักในอาชีพ ครูจึงหนีออกมาจากโรงพยาบาลเพื่อที่จะมาฝึกซ้อมเด็กๆ ในการแข่งขันรำไทย ในคืนนั้นเองอาการของครูทรุดลง ทำให้ต้องไปเอายาที่ลืมไว้ในห้องนาฏศิลป์ แต่โชคไม่ดีและไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เช้าวันต่อมามีคนพบศพของครูวิภาในห้องนั้น...เวลาผ่านไปทางโรงเรียนต้องการจะทุบห้องนั้นทิ้ง แต่ทุกครั้งที่มีคนเข้าไปพยายามย้ายของจะมีเสียงดนตรีไทย และมีคน (หรือผี) มารำอยู่ในห้องนั้นทุกวัน ! จนไม่มีใครกล้าเข้าไปย้ายของ ปัจจุบันห้องนาฏศิลป์ของครูวิภาก็ยังอยู่เหมือนเดิม
แต่ถ้าถามว่าผีแบบไหนน่าสะพรึงกลัวมากที่สุด ก็คงไม่สามารถค้นหาคำตอบมาให้ได้ เพราะต้องประสบพบเจอกันเสียก่อน ล้านเปอร์เซ็นต์รับรองเลยว่าคงไม่มีใครอยากจะได้ประสบการณ์ชีวิตแบบหลอนๆ แน่นอน ดังนั้น การได้ดูคนอวดผีผ่านหน้าจอโทรทัศน์หรือดูคนอวดผีย้อนหลังผ่านสมาร์ทโฟนก็น่าจะทำให้ต่อมเสียวทำงาน ซึ่งบางคนไม่อยากสู้ แต่จะปิดไฟนอนก็กล้าๆ กลัวๆ
สำหรับคนอวดผีล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 26 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีคนดูย้อนหลังใน Line TV แล้วกว่าหนึ่งแสนสองหมื่นครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องราวของผีหัวขาดที่กลับมาเยี่ยมบ้าน โดยหลานชายตะโกนบอกแม่ที่เป็นบุตรของผู้ตายว่า เห็นคุณตาไม่มีแขน ไม่มีขา มีเลือดเต็มตัว และก็ไม่มีหัวด้วย เรียกได้ว่าเรื่องนี้น่าสงสารและน่ากลัวไปพร้อมๆ กัน รับชมได้ที่ https://bit.ly/3274PwQ และคุณริว จิตสัมผัสช่วยเหลือผีหัวขาดผู้นั้นอย่างไร เพื่อให้วิญญาณสงบสุขและไปสู่สัมปรายภพ